อุทยานจิ่วจ้ายโกว สรวงสวรรค์ 4 ฤดู
เที่ยวได้ตลอดปี ไม่มีเบื่อ !!
อุทยาน จิ่วจ้ายโกว สรวงสวรรค์ 4 ฤดู แห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตติดดาวของคนไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ยังไม่ได้มาเที่ยวที่นี่ เมื่อเห็นรูปรีวิวต่างๆ แล้วจะต้องอยากมายลโฉมความงามให้ได้สักครั้ง อุทยานแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ราว 720 ตารางกิโลเมตร ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ซึ่ง จิ่วจ้ายโกว ตั้งอยู่ในหุบเขาจิ่วจ้ายโกว ท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ รายล้อมด้วยพืชพันธุ์นานาชนิดและทะเลสาบน้ำจืดกว่า 144 แห่ง รวมไปจนถึงน้ำตกขนาดใหญ่ การเที่ยวที่จิ่วจ้ายโกวนี้จะทำคุณได้รับการเยียวยาจากธรรมชาติคืนความมีชีวิตชีวา ความอิ่มเอมใจให้กับเราได้อย่างน่าอัศจรรย์ จึงไม่แปลกเลยว่าที่อุทยานจิ่วจ้ายโกวแห่งนี้จะได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก (UNESCO) เมื่อปี ค.ศ. 1992 และเป็นเขตสงวนชีวมณฑลอีกด้วย
ถ้าพูดถึงภาษาจีนคำว่า ‘จิ่วจ้ายโก้ว’ มีความหมายว่า ‘ธารน้ำเก้าหมู่บ้าน’ เพราะในอดีตเป็นหมู่บ้านชาวทิเบตทั้งหมด 9 หมู่บ้านอาศัยอยู่ตามริมธารแห่งนี้ และด้วยชาวทิเบตนั้นมีความศรัทธาในธรรมชาติ, ภูเขาและสายน้ำ จึงทำให้ที่จิ่วจ้าวโกวนั้นเป็นดินแดนแห่งขุนเขาและธารน้ำศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
อุทยานจิ่วจ้ายโกวแห่งนี้สามารถเที่ยวได้ทุกฤดูเลย โดยในแต่ละช่วงจะมีไฮไลท์ความงดงามตระการตาที่แตกต่างกัน การเที่ยวที่นี่ตลอดทั้งปีจึงไม่น่าเบื่อเลย จนได้รับการขนานนามว่า ‘สรวงสวรรค์ 4 ฤดู’
พี่หมีเอ็กซ์แอลจะขอมาอัพเดทข้อมูลการเที่ยวที่อุทยานจิ่วจ้ายโกวในแต่ละฤดูให้ได้ชมกัน
🍃ฤดูใบไม้ผลิ สัมผัสกับการเริ่มต้นใหม่จากธรรมชาติ
ในฤดูใบไม้ผลิ จะอยู่ในช่วง เดือน มีนาคม – พฤษภาคม
อุณหภูมิประมาณ 4 °C ถึง 24 °C
เริ่มต้นด้วยฤดูใบไม้ผลิ สำหรับใครที่ต้องการชมใบไม้กำลังผลิใบ ดอกไม้ต่างๆ กำลังผลิบานล่ะก็ขอแนะนำช่วงนี้เลย เพราะจิ่วจ้ายโกวแห่งนี้จะเริ่มกลับมาชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากที่ถูกความหนาวเย็นปกคลุมมา พืชพันธุ์นานาชนิดจะเริ่มกลับมาเขียวขจี สะท้อนบนทะเลสาบสีมรกตสดใส และโดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคมอาจจะยังมีหิมะละลายไม่หมดอยู่ตามยอดเขา จึงทำให้ได้เห็นบรรยากาศอันหลากหลายได้ในคราวเดียว
☀️ ฤดูร้อน โอบล้อมด้วยธรรมชาติอันอบอุ่น
ในฤดูร้อน จะอยู่ในช่วง เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม
อุณหภูมิประมาณ : 15 °C ถึง 29 °C
ในช่วงนี้ ทั้งอุทยานจิ่วจ้ายโกวแห่งนี้จะเขียวชอุ่มไปทั้งผืนป่าบนภูเขา ต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ต่างๆ จะผลิบานอย่างเต็มที่ สะท้อนอยู่บนทะเลสาบน้ำใสแสงส่องระยิบระยับ ทำให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติได้มากที่สุด และด้วยอากาศกำลังดีแบบนี้ ทำให้ที่จิ่วจ้ายโกวเต็มไปด้วยความสดใส รู้สึกถึงความอบอุ่นจากธรรมชาติและกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง บอกเลยว่าเยียวยาจิตใจได้เป็นอย่างดีเลย
🍂 ฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนสี สัมผัสหลากหลายความงดงามในคราวเดียว
ในฤดูใบไม้ร่วง จะอยู่ในช่วงเดือน กันยายน – เดือนตุลาคม
อุณหภูมิประมาณ : 9 °C ถึง 23 °C
ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่หลายๆ คนบอกว่าเป็นช่วงเวลาแสนพิเศษและโรแมนติกสุดๆ ด้วยอากาศที่เย็นสบายและวิวทิวทัศน์รอบจิ่วจ้ายโกวจะเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวกลายเป็นสีแดงส้มเหลือง ไล่เฉดสีสลับไปมาปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขา ตัดกับทะเลสาบสีมรกตที่สะท้อนวิวทั้งหมดให้เห็นอีกด้าน จึงเป็นอีกช่วงเวลาที่หลายๆ คนต่างเฝ้ารอมารับชมความงดงามนี้ให้ได้ โดยช่วงเที่เหมาะที่สุดจะเป็นเดือนตุลาคม เพราะใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีอย่างเต็มที่แล้วนั่นเอง
❄️ ฤดูหนาว หิมะขาว ปุยนุ่น แสนเยือกเย็น
ในฤดูหนาว จะอยู่ในช่วงเดือน พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์
อุณหภูมิประมาณ -2 °C ถึง 14 °C
ช่วงที่หลายๆ คนชื่นชอบความหนาวเย็นและได้สัมผัสหิมะขาวนุ่มฟูมาถึงแล้ว จิ่วจ้ายโกวแห่งนี้จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวทั่วป่าและภูเขา หนาวเย็นถึงขั้นติดลบจนทะเลสาบและน้ำตกกลายเป็นน้ำแข็ง เป็นช่วงเดียวที่จะได้เห็นทะเลสาบถูกรายล้อมด้วยหิมะสีขาวโพน ให้ความสวยงามที่หาดูได้ยากราวกับภาพในโลกของจินตนาการแต่หลุดออกมาอยู่ตรงหน้า จึงเป็นอีกช่วงที่ได้รับความนิยมมาเที่ยว ถ่ายรูปวิวหิมะเก็บไว้เป็นความทรงจำ
นอกจากนี้พี่หมีขอแนะนำเพิ่มสำหรับจุดชมวิวไฮไลท์ที่เมื่อมาจิ่วจ่ายโกวแล้ว ต้องไปให้ได้ !
ทะเลสาบดอกไม้ห้าสี (Five Flower Lake)
ทะเลสาบดอกไม้ห้าสี สูงจากระดับน้ำทะเล 2,472 เมตร ลึก 5 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 9 หมื่นตารางเมตร เป็นทะเลสาบที่มีวิวสวยอันดับต้นๆ ของอุทยานจิ่วจ้ายโกว ด้วยสีสันอันแปลกตาหลากสีจากการกระจายตัวของตะกอนหินปูน สาหร่าย และพืชน้ำ ด้วยความใสของน้ำจนสามารถมองเห็นลงไปถึงพื้นของตัวทะเลสาบ จะเห็นซากกิ่งไม้และซากต้นไม้โบราณทับถมกันมายาวนานจนเกิดเป็นตะกอนหินปูเกาะจนเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้มองแล้วรู้สึกคล้ายปะการังในทะเลเลย และในช่วงที่ไม่มีลมพัดผ่าน ด้วยน้ำในทะเลสาบที่ใสมาก เราจะได้เห็นการสะท้อนของวิวต้นไม้และท้องฟ้าจนเกิดเป็นภาพที่มีสีสันสวยงามน่าประทับใจ
ทะเลสาบยาว (Long Lake)
ทะเลสาบยาว เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานจิ่วจ้ายโกว ครอบคลุมพื้นที่ 930,000 ตารางเมตร (ประมาณ 581 ไร่) มีความลึกถึง 103 เมตร น้ำในทะเลสาบเกิดจากหิมะละลายบนภูเขา รูปลักษณ์ของทะเลสาบยาวจะเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ปกคลุมไปด้วยต้นสนซีดาร์ทั่วภูเขาล้อมรอบทะเลสาบเอาไว้ เมื่อมองจากระยะไกลสะท้อนเป็นทิวทัศน์อันงดงามอลังการตาสุดๆ ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่ควรมาชมให้ได้
ทะเลสาบแรด (Rhino Lake)
ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองในอุทยานจิ่วจ้ายโกว ทะเลสาบแรดมีขนาดกว้าง 2 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2 แสนตารางกิโลเมตร เสน่ห์อันน่าประทับใจของทะเลสาบนี้คือ หมู่เมฆและสายหมอกที่สะท้อนทะเลสาบแรดจนแยกไม่ออกว่าส่วนไหนที่เป็นท้องฟ้า เรียกได้ว่าแทบจะเป็นผืนเดียวกันเลย แนะนำว่าควรมารับชมในช่วงเช้าเพราะความเปลี่ยนแปลงของทั้งเมฆและหมอกในตอนเช้าจะให้ความงดงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละวันได้อย่างน่าประทับใจ
ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ที่นี่จะเขียวชอุ่มสดใส ส่วนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นช่วงที่สวยที่สุดเพราะใบไม้เฉดสีแดงส้มเหลืองจะสะท้อนลงผิวน้ำใสจนเห็นผืนน้ำกลายเป็นสีแดงส้มไปทั่วทะเลสาบแรดเลยทีเดียว
ทะเลสาบแพนด้า (Panda Lake)
ทะเลสาบแพนด้า สูงจากระดับน้ำทะเล 2,587 เมตร มีความลึกเฉลี่ย 14 เมตร เป็นหนึ่งในสองทะเลสาบของจิ่วจ้ายโกวที่ผิวน้ำจับตัวเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว ระดับน้ำของทะเลสาบมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ เนื่องจากใต้น้ำมีทางไหลไปยังน้ำตกแพนด้า ที่อยู่ใกล้ ๆ กัน น้ำในทะเลสาบมีใสมีโทนเขียวและน้ำเงินสลับกันอย่างลงตัว ในวันที่แสงแดดดี ฟ้าและเมฆขาวสะท้อนในทะเลสาบ รวมทั้งภาพกลับหัวของหน้าผาที่สะท้อนในทะเลสาบ และหินสีขาวแทรกแซมลวดลายดำในทะเลสาบ ทำให้ทะเลสาบแพนด้าสถานที่สวยงามกินใจ ซึ่งตรงจุดนี้เคยเป็นแหล่งน้ำที่น้องแพนด้าที่อาศัยอยู่ที่นี่แวะเวียนมาให้เห็นบ่อยๆ จึงกลายเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบแพนด้า นั่นเอง
ทะเลสาบกระจก (Mirror Lake)
ทะเลสาบกระจก สูงจากระดับน้ำทะเล 2,390 เมตร จุดที่ลึกที่สุดอยู่ที่ 243 เมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1.9 แสนตารางเมตร เงาสะท้อนของทะเลสาบกระจกเปรียบเสมือนกระจกบานใหญ่ไม่รู้จบ สะท้อนเงาจากน้ำและท้องฟ้า ทำให้เกิดภาพสุดพิเศษนั่นคือมีปลาว่ายกลางเมฆหมอก มีนกบินในสายน้ำ ริมทะเลสาบมีต้นไม้สองต้นพันกันสูงระฟ้า ทำให้คู่รักนิยมมาถ่ายรูปคู่ที่นี่ เพราะเชื่อกันว่าจะซื่อสัตย์ต่อความรักตลอดไป แนะนำว่าควรมาในช่วงไม่เกิน 10 โมงเช้า เพราะจะเป็นช่วงที่น้ำสงบนิ่ง
ทะเลสาบนกยูง (Peacock Lake)
ด้วยผืนทะเลสาบสีฟ้าครามและมีรูปร่างคล้ายกับนกยูง จึงเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบนกยูง ถึงแม้ว่าจะเป็นทะเลสาบขนาดเล็กกว่าที่อื่นๆ แต่ขอบอกเลยว่า ความสวยงามนั้นอลังการเกินต้านมาก เป็นอีกจุดที่ควรค่าแก่การมาเยือนให้ได้ ยิ่งในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีถือเป็นจุดที่สำคัญที่ต้องมาเลย เพราะผืนป่าบนภูเขารอบด้านจะกลายเป็นสีแดงส้ม ทำให้มองแล้วคล้ายกับกำลังดูนกยูงกำลังรำแพนอยู่เลยล่ะ
น้ำตกธารไข่มุก (Pearl Shoal Waterfall)
น้ำตกธารไข่มุกเป็นน้ำตกที่มีความสูงถึง 2,433 เมตร มีสายน้ำที่ลดหลั่นความยาวกันลงมาถึง 310 เมตร มีขนาดความกว้างถึง 160 เมตร เกิดจากการรวมตัวของน้ำที่ไหลมาจากลำธารไข่มุก จนเกิดการแข็งตัวทับถมของหินปูนจนเกิดรูปร่างคล้ายพัดจีน ตัวสายน้ำตกยังมีความงดงามราวกับเส้นไข่มุกและยังเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในจิ่วจ้ายโกวเลยทีเดียว น้ำตกธารไข่มุกแห่งนี้เคยเป็นจุดที่เคยถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องไซอิ๋ว และ HERO อีกด้วย
หมู่บ้านซู่เจิ้ง (Shuzheng Village)
หมู่บ้านซู่เจิ้ง เป็นหนึ่งใน 9 หมู่บ้านเก่าแก่ของชาวทิเบต ที่ถูกรายล้อมด้วยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกซู่เจิ้งที่มีลักษณะคล้ายดอกบัวและมีสายน้ำไหลลงมาเป็นเส้นๆ กว่าพันสายจากส่วนยอดของน้ำตก และยังมีทะเลสาบซู่เจิ้งที่ประกอบด้วยทะเลสาบกว่า 19 แห่ง อยู่ตามโขดหินสลับกันไปมาเหมือนขั้นบันได ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในนิทานหมู่บ้านโบราณอยู่ท่ามกลางสายน้ำและภูเขาเลยทีเดียว
และนี่คืออีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตติดดาวของประเทศจีนระดับ 5A ที่ควรค่าแก่การมาเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิตกับอุทยานจิ่วจ้ายโกว สรวงสวรรค์ 4 ฤดูนั่นเอง
ไปทัวร์ ไปเที่ยวต่างประเทศกับพี่หมีเอ็กซ์แอล XL World Tour
เราพร้อมมอบความสุข ‘ไซส์ใหญ่’ ไม่เท ไม่ทิ้ง ทัวร์จีน กับ XL World Tour ดูแพ็กเกจทัวร์สุดคุ้ม เที่ยวจิ่วจ้ายโกว เพิ่มเติม >> คลิกเลย